คุณขวัญชนก อมรธนานุบัน

ตำแหน่ง:เจ้าของและ Creative Director
บริษัท: บริษัท KAFBO

KAFBO : The Brand of Love and Kindliness

การที่คนเรามีความรักในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง และพยายามที่จะทำทุกสิ่งอย่างเพื่อความสุขของเจ้าสิ่งที่ตนเองรัก ซึ่งตัวเองก็จะได้รับความสุขไปกับสิ่งที่ทำนั้นด้วย ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดามาก แต่จะไม่ธรรมดาเลย ถ้าเราสามารถพัฒนาสิ่งที่เราทำด้วยความรักที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่นต่อสัตว์เลี้ยงตัวน้อยของเรา ... ให้เติบโตเป็นธุรกิจที่นอกจากจะสามารถทำเงินให้ตัวเราได้แล้ว ยังเป็นธุรกิจที่นำความรักความเมตตาของเราไปถึงสัตว์เลี้ยงอื่นๆ และผู้เป็นเจ้าของได้ด้วย และที่สำคัญ ธุรกิจที่ว่านี้ยังเป็นธุรกิจที่สามารถต่อยอด ธุรกิจหลักของครอบครัวได้อย่างชาญฉลาดอีกด้วย

ที่กล่าวเกริ่นมาทั้งหมดนี้ เพื่อต้องการจะบอกเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจของ คุณขวัญชนก อมรธนานุบัน เจ้าของและ Creative Director บริษัท KAFBO ผู้ผลิตบ้านแมวด้วยกล่องกระดาษลูกฟูก ที่ขณะนี้กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั้งในและต่างประเทศ ถึงขนาดว่า ขยายกำลังการผลิตแทบไม่ทันทีเดียว โดยทีมงานข่าวสาร “ในวงการพิมพ์” มีโอกาสได้รู้จักคุณขวัญชนกในงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับบ้านและสวนที่ ไบเทค บางนาเมื่อไม่นานมานี้ คุณขวัญชนกได้นำผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกระดาษลูกฟูก แบรนด์ KAFBO (Karf+Cardboard) มาโชว์ด้วย มีผู้คนสนใจเข้ามาเยี่ยมชมสอบถามไม่ขาดสาย ทำให้ไม่สะดวกที่จะพูดคุยกัน จึงได้ขอนัดไปคุยกันที่สำนักงานของคุณขวัญชนกในหมู่บ้านย่านเมืองทอง 3 โดยสิ่งแรกที่ทีมงาน “ในวงการพิมพ์” ได้เห็นและรู้สึกชอบใจมาก คือ แมวอ้วนน่ารัก สามสี สามตัว นั่งบ้าง เดินบ้าง หมอบบ้าง อย่างมีความสุขกับบ้านกระดาษหลายหลังที่จัดวางอย่างกลมกลืนกับเฟอร์นิเจอร์ในห้องรับแขกนั่นเอง

คุณขวัญชนก นักออกแบบสร้างสรรค์วัย 33 ปีได้เล่าถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้มาจับธุรกิจนี้ว่า ตัวเองเป็นคนที่รักแมว อยากให้แมวอยู่ด้วยตลอดและอยู่อย่างมีความสุข มีอิสระด้วย ไม่ต้องถูกจับใส่กรงไปเก็บไว้หลังบ้านยามที่มีคนไม่คุ้นเคยมาเยี่ยมบ้าน แต่ตอนนั้นยังไม่ชัดเจนว่าจะทำได้อย่างไร พอเรียนจบคณะวารสารศาสตร์ เอกภาพยนตร์และถ่ายภาพ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็ได้ไปต่อโทด้านการออกแบบที่สหรัฐอเมริกา ได้เห็น ได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับการออกแบบของต่างประเทศ ที่เขาเอากระดาษลูกฟูกมาทำเฟอร์นิเจอร์ ทำโต๊ะ ทำเก้าอี้ ฯลฯ ดูทันสมัย น่าใช้ดี ประกอบกับธุรกิจของที่บ้านก็เป็นโรงงานผลิตกระดาษลูกฟูกอยู่แล้วด้วย ก็เลยสนใจอยากจะทำแบบนั้นบ้าง ไม่อยากทำโรงงานที่ผลิตแต่กระดาษลูกฟูกอย่างเดียว เพราะรู้สึกเป็นงานที่เหนื่อยและหนักมาก ต้องผลิตเยอะๆ แต่กำไรน้อยนิด อยากจะทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด และเป็นตลาดเฉพาะทาง เป็นนิช มาร์เก็ต แต่คุณพ่อไม่เห็นด้วย ก็เลยต้องหยุดความคิดนี้ไว้ก่อน

หลังจากที่คุณพ่อเสียชีวิต และกิจการในโรงงานลงตัวดีแล้ว ความคิดที่อยากมีงานเป็นของตัวเองก็กลับมาอีก ตอนแรกคิดทำบ้านให้หมาพันธ์เล็ก แต่ไม่สำเร็จ เพราะหมากัดบ้านกระดาษพังหมด “มีอยู่วันหนึ่ง กำลังนั่งทำงานอยู่ที่โรงงาน ได้เห็นแมวมาตะกุย มาขูดข่วนลับเล็บมันกับกระดาษลูกฟูก เลยเกิดความคิดที่จะเอากระดาษลูกฟูกมาทำของเล่นแมว มาทำบ้านให้แมว ก็เริ่มที่บ้านแมวนี่ละ โชคดีมีเพื่อนที่จบด้านดีไซน์มาช่วยงานด้วย เพราะก่อนจะทำบ้านแมวเนี่ยะ เราจะต้องทำการบ้านมาก คือต้องศึกษาพฤติกรรมของแมว ศึกษารูปแบบบ้านที่เหมาะกับสรีระของแมวด้วย ให้เขานั่งได้ นอนได้ ลับเล็บก็ได้ คนที่ชอบเลี้ยงแมว ก็สามารถจะเลี้ยงแมวไว้ในบ้านได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าแมวจะขีดข่วนทำลายข้าวของในบ้านอีกต่อไป” คุณขวัญชนกบอกเล่าด้วยน้ำเสียงที่แจ่มใสอย่างผู้ที่มีความสุข

ช่วงเวลาที่จับงานนี้มาเพียง 3 ปี ได้รับเสียงตอบรับดีมาก สามารถขยายงานได้รวดเร็วเกินควรเกินคาด ซึ่งเมื่อฟังจากที่คุณขวัญชนกเล่าขานแล้ว ข่าวสาร “ในวงการพิมพ์” อยากสรุปเลยว่า คุณขวัญชนกเป็นคนโชคดี มีบุญมาก เพราะทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น เหมือนเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้กิจการของคุณขวัญชนกเจริญเติบโตได้อย่างแข็งแรงและรวดเร็วทั้งสิ้น ขอยกตัวอย่างความโชคดีของคุณขวัญชนก ดังนี้นะคะ

- โชคดีที่หนึ่งเลย คือ เรื่องวัตถุดิบ ซึ่งที่บ้านมีโรงงานผลิตกระดาษลูกฟูกเป็นต้นทุนอยู่แล้ว

- โชคดีที่สอง คือ คุณขวัญชนกและเพื่อน เป็นผู้มีการศึกษา มีการศึกษาดี มีความรู้ในสิ่งที่ตนทำเป็นอย่างดี

- โชคดีที่สาม เป็นยุคที่เทคโนโลยีเบ่งบาน และคุณ ขวัญชนกก็รู้จักใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ด้วย เธอเล่าว่า “เราทำการตลาดแบบประหยัด ไม่ได้ลงทุนอะไรมาก แต่ได้ผลมากเลย คือ เราใช้โซเชียลเนตเวิร์คค่ะ พอดีว่าช่วงนั้นกระแสคนรักแมวมาแรง พอเราเอาโปรดักส์ของเราลงเฟซบุค และ อินสตาแกรมปุ๊บ ก็มีคนมาแชร์ มีคนให้ความสนใจ ก็เลยเป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง ลูกค้าที่ซื้อไปใช้แล้วดีก็จะบอกต่อกันทาง โซเชียลเนตเวิร์คนี่ละค่ะ”

- โชคดีที่สี่ คือเป็นจังหวะที่กรมส่งเสริมการส่งออก เริ่มเปิดโครงการให้การสนับสนุน เอส เอ็ม อี ในหมวดของสินค้าสัตว์เลี้ยงพอดี เลยมีโอกาสได้เข้าร่วมโครงการ ได้ไปออกบูธกับทางกรมส่งออกด้วย ครั้งแรกที่ออกบูธ มีคนสนใจเยอะ แต่กลับขายไม่ได้ เพราะตั้งราคาไม่เป็น ต้องกลับมาเรียนรู้เรื่องการ ส่งออก การคิดราคาใหม่ แต่หลังจากนั้นมา สินค้าแบรนด์ KAFBO ก็ติดเทอร์โบ ส่งออกไปขายในหลายประเทศ ที่ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน เยอรมนี ฝรั่งเศส และตอนนี้ ก็มีบริษัทที่เกาหลีใต้รับเป็นตัวแทนให้แล้วด้วย

- โชคดีที่ห้า ซึ่งสำคัญมาก เพราะถ้าไม่มีข้อนี้ ก็คงไม่มี KAFBO ในวันนี้ นั่นคือ ตัวตนของคุณขวัญชนกเอง หากคุณขวัญชนกไม่มุ่งมั่นไม่สนใจ ไม่เห็นโอกาสที่จะต่อยอดธุรกิจของครอบครัว ก็คงจะหันไปประกอบอาชีพอื่นๆ

ที่สำคัญ คือ แม้ทุกวันนี้ KAFBO จะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นมาก แต่คุณขวัญชนกก็ไม่หวั่นไหว กลับคิดว่า การมีคู่แข่ง ทำให้รู้สึกว่า สินค้าของเรามันไปได้ จึงมุ่งมั่นพัฒนาเดินหน้าต่อไป โดยคิดจะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น เป็นสินค้าที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ และสินค้าเด็ก เป็นต้น

ก่อนจะจบการสนทนาในวันนี้ คุณขวัญชนก ยังได้สาธิตให้เราได้เห็นข้อดีของผลิตภัณฑ์ KAFBO ที่มีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก กางประกอบก็ง่าย พับเก็บก็ง่าย และที่ดีกว่านั้นก็คือ ราคาย่อมเยา ทำให้ ซื้อง่าย ขายคล่อง กำไรงาม อีกตะหาก

คุณผู้อ่านเห็นด้วยไหมคะว่า ธุรก‘จของคุณขวัญชนก คือตัวอย่างหนึ่งของผู้ประกอบก“รในยุค ไทยแลนด์ 4.0 คือ ...small...smart...and make money 

 

back