โอกาสมหาศาลในธุรกิจการพิมพ์ หยิบกินได้เลยหรือ !!!

บทความโดย อนันต์ วชิราวุฒิชัย
( Tangram strategic Consultant )

โอกาสมหาศาลในธุรกิจการพิมพ์ ทำอย่างไรจะหยิบมากิน!!!
นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า
โครงสร้างการผลิตแบบเก่าๆ ไม่เพียงพอ ถ้าต้องการจะก้าวกระโดด มีอนาคตเทียบเท่าประเทศอื่นๆ จะต้องยกระดับเครื่องจักรกลทั้งหลายด้วย จะซื้อเข้ามาใช้อย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีการพัฒนาเครื่องจักรในประเทศด้วย จึงจะช่วยลดเงินที่สูญเสียออกประเทศได้ ถ้าเราดูอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์จะพบว่า อย่างแรกที่เราต้องรู้คือ เราอยู่ตรงไหนในโลก แล้วในโลกนี้มีมูลค่าการตลาดสินค้า บรรจุภัณฑ์เป็นล้านๆ เหรียญสหรัฐ ซึ่งมากมายมหาศาล ของไทยคิดเป็นสัดส่วนเพียง 1% ของโลกเท่านั้น
แต่ในความเป็นจริง เห็นมีผู้ผลิตมากมาย แล้วตรงไหนบ้างที่เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ในอุตสาหกรรมนี้ ทวีปเอเชียเป็นแหล่งผลิตหลัก 36% รายใหญ่ๆ อยู่ที่ประเทศจีนและญี่ปุ่น รองลงไปคือทวีปอเมริกาเหนือมีประเทศอเมริกาเป็นแกนถึง 23% ตามด้วยทวีปยุโรป 22% และที่เหลือเป็นตลาดอื่นๆ กระจายกันไป*

นายไชยวัฒน์ หาญสมวงศ์ นายกสมาคมการค้าวัสดุอุปกรณ์การพิมพ์ เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมการพิมพ์เป็นกระบวนการหนึ่งที่สำคัญในการเพิ่มมูลค่าให้สินค้าในอุตสาหกรรมทุกประเภท ทั้งสิ่งทอ เซรามิก ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และอื่นๆ โดยจะมีอัตราเติบโตตามจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นและภาวะเศรษฐกิจในแต่ละปี ล่าสุดในปี 2557 อุตสาหกรรมการพิมพ์มีมูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาท มีสัดส่วนในประเทศ 90% และส่งออก 10% แยกเป็นอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณณฑ์(Print & Packaging) มีมูลค่าราว 3.6 แสนล้านบาท และอุตสาหกรรมการพิมพ์พลาสติกประมาณ 1.6 แสนล้านบาท ในขณะที่วัสดุอุปกรณ์การพิมพ์มีมูลค่าประมาณ 1 แสนล้านบาท**
เมื่อคุณได้ทราบข้อมูลจากทั้ง 2 ท่าน ซึ่งถือได้ว่าเป็นตัวแทนของธุรกิจการพิมพ์ เชื่อได้ว่าข้อมูลที่นำเสนอย่อมมีน้ำหนักอย่างมาก และผมเชื่อว่า ท่านผู้อ่านเอง ซึ่งก็อยู่ในฐานะของผู้ประกอบการในธุรกิจการพิมพ์เหมือนกัน คงเข้าใจดีถึงโอกาสทางธุรกิจ ที่มีอย่างมหาศาลสำหรับประเทศเรา เพียงแต่ว่า

เรามีความพร้อมขนาดไหน เราลองมาดูกันว่าประเทศไทยเรามีความได้เปรียบอย่างไร? และจะได้มาจากไหน?

(1) ทางภูมิศาสตร์ เนื่องจากที่ตั้งของประเทศไทยเราอยู่จุดกึ่งกลางของกลุ่มประเทศที่มีความร่วมมือกัน ที่เราเรียกว่า AEC (ASEAN Economic Community) ทำให้การขนส่งข้ามแดนหลายๆ ประเทศต้องพึ่งพาเรา
(ถ้าไม่มี AEC การส่งออกของเราก็ได้เปรียบแค่ค่าขนส่ง แต่การที่มี AEC ทำให้เราสามารถส่งสินค้าไปขายได้สะดวกมากขึ้น จากการยกเว้นภาษีนำเข้า และการได้สิทธิ
อื่นๆ ซึ่งประเทศนอก AEC ไม่สามารถมีได้)

(2) ความพร้อมทางขนาดของเศรษฐกิจ ประเทศไทยเรามีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่า พม่า เวียดนาม เขมร และลาว ดังนั้นการจะลงทุนอะไร ผู้ลงทุนจะนึกถึงความพร้อมก่อนเป็นอันดับแรก เช่น อุตสาหกรรมที่ต้องการความชำนาญพิเศษทางเทคโนโลยี หรือ ต้องการบุคลากรที่มีความสามารถพิเศษ เพราะการจะจัดหา หรือ การลงทุน เพื่อตลาดที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ใหญ่พอ ก็จะไม่คุ้มกับการลงทุน

(3) ประเทศไทยมีความพร้อมในภาคอุตสาหกรรม มากกว่าในอีกหลายประเทศในกลุ่ม AEC ด้วยกัน เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์, อุตสาหกรรมอาหาร เช่น การแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร แม้กระทั่งการเกษตรก็ตาม

แค่ 3 ข้อนี้ ก็เหมือนฟ้าประทานมาให้แล้ว ซึ่งถ้ามีโอกาสมากมายขนาดนี้ เรายังจะกังวลหรือจะต้องกลัวอะไรอีก ผมก็คิดเหมือนกันว่า เราพร้อมจะหยิบเค้กก้อนนี้ได้เลยหรือไม่

ผมจะไม่พูดเรื่องนี้ในภาพใหญ่ระดับประเทศเพราะรัฐบาลก็กำลังทำการบ้านกันเต็มที่อยู่แล้ว เพื่อเตรียมความพร้อมของประเทศเรา เช่น การปรับปรุงเรื่องการศึกษา และการให้ความช่วยเหลือในหลายๆด้าน เช่น ให้ทุนและสนับสนุน SME ที่มีนวัตกรรมต่างๆ
แต่ผมจะพูดในระดับองค์กร เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้ลองวิเคราะห์ดูว่า ธุรกิจของท่านมีความพร้อมที่จะรองรับโอกาสอันยิ่งใหญ่นี้มากน้อยแค่ไหน เราลองมาดู ปัจจัยทั้ง 5 ( 5 M ) เพื่อการทำธุรกิจ

(A) Method & Technology ในการผลิตของเรา พร้อมที่จะตอบสนองรูปแบบที่ตลาดต้องการได้หรือไม่ ?
(B) Machine มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะรองรับเรื่อง Technology & Cost เพื่อการแข่งขันหรือไม่ ?
(C) Man Power คนของคุณมีประสิทธิภาพ และมีความพร้อมแค่ไหน สำหรับข้อ A , B
(D) Money ระบบการเงิน ในธุรกิจของคุณเป็นอย่างไร ?
(E) Marketing คุณพร้อมที่รุกและบุกอย่างไร ?

ทั้ง 5 ข้อนี้เป็นหลักการการบริหารเบื้องต้น แต่เชื่อเถอะครับ หลักการที่ถูกต้อง มันจะใช้ได้ผลในทุกที่ และทุกเวลา

> เมื่อคุณวิเคราะห์ความพร้อมทั้ง 5 ข้อนั้นแล้ว คุณจะต้องตอบตัวเองว่า แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไป จะเอายังไงกับมันดีล่ะ ?
> เมื่อคุณตัดสินใจได้แล้ว ผมแนะนำให้คุณตั้งเป้าหมาย ว่าคุณจะทำอะไร ?
> เมื่อคุณมีเป้าหมายแล้ว แต่คุณก็ยังไม่รู้อีกว่าจะทำอย่างไร เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้น

ผมขอแนะนำให้คุณศึกษา หาความรู้เพิ่มเติม เพื่อให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จดังเป้าหมาย คุณต้องกลับมาศึกษาเพิ่มเติม เพื่อหาแนวความคิดใหม่ๆทางธุรกิจ เช่น Business Model, Customer Insight, Management Tool สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายของคุณได้

“ในยุคที่ความเก่งเฉพาะตัวอาจไม่เพียงพอ คุณต้องมีระบบความคิดที่ถูกต้อง เพื่อผนึกทุกอย่างในธุรกิจของคุณเข้าด้วยกัน จนได้ผลิตภัณฑ์และบริการที่ยอดเยี่ยม นั่นก็คือ คุณจะต้องกลับมาเริ่มต้นศึกษามันอย่างจริงจัง”

* อ้างอิงจาก Web site : http://thaiprint.org/thaiprint/index.php?option=com_zoo&view=item&item_id=1028&Itemid=54
**อ้างอิงจาก Web site : http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000107522

back