Innovation Week 2020, Heidelberg ออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งานอย่างเป็นมิตร ด้วยนวัตกรรมใหม่ล่าสุด  

03 พฤศจิกายน 2563 | 15:31 น.

 

นับจากประกาศยกเลิกการเข้าร่วมงานดรูป้า 2020 เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิด -19 ทั่วโลก ทางบริษัทไฮเดลเบิร์ก เยอรมนี จึงมีความคิดที่จะนำเสนอนวัตกรรมใหม่ล่าสุด ปี 2020 โดยกำหนดธีมว่า “Unfold your Potential” ดึงศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวคุณ ผ่านงาน Innovation week 2020 ซึ่งได้จัดการถ่ายทอด ณ โรงงานไฮเดลเบิร์ก เมือง Wiesloch ประเทศเยอรมนี ระหว่างวันที่ 19-23 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา มีการนำเสนอแบบ Virtual Online  ผ่านแอพพลิเคชั่น ชื่อ myHD และผ่านเวบไซต์ Heidelberg.com ซึ่งงานนี้เป็นงานนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบการพิมพ์ สำหรับการพิมพ์คอมเมอร์เชียล (หนังสือ นิตยสาร แผ่นพับ ฯลฯ)ฉลากและบรรจุภัณฑ์

 ทางทีมงานบริษัทไฮเดลเบิร์ก กราฟฟิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดเผยข้อมูลว่า ปีนี้เป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงนวัตกรรมหลากหลายด้าน ทางไฮเดลเบิร์กจึงมีความตั้งใจจะนำเสนอนวัตกรรมจากงานดรูป้าที่ถูกยกเลิกไป เพื่อนำเสนอเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์มาตอบโจทย์สำหรับโรงพิมพ์ออฟเซ็ททุกกลุ่มประเภท เนื่องจากปัญหาที่โรงพิมพ์ประสบทุกวันนี้ที่สำคัญเรื่องหนึ่งคือผู้ปฏิบัติงานหรือช่างพิมพ์ ดังนั้นไฮเดลเบิร์กจึงหาวิธีนำเสนอช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานทำงานง่ายขึ้นและลดกระบวนการทำงานที่ซับซ้อน ด้วยฟังก์ชั่นของไฮเดลเบิร์กเป็นผู้พัฒนาและออกแบบมา คนที่มีประสบการณ์ไม่มากก็สามารถใช้งานเครื่องพิมพ์ไฮเดลเบิร์กได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ยุ่งยาก อีกทั้งด้วยนวัตกรรมฟังก์ชั่นยังช่วยการบริหารต้นทุนให้เหมาะสมที่สุดด้วย สำหรับงานนี้จะมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่น่าสนใจมานำเสนอได้แก่ 

คอนเซปต์ Heidelberg User Experience (UX) กล่าวคือ การดีไซน์เครื่องพิมพ์ยุคใหม่เพื่อให้เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน จากการวิจัยของเครื่องพิมพ์รุ่นสูงสุด Speedmaster XL 106 สามารถทำ OEE (Overall Equipment Effectiveness) ได้เพียง 27% แต่ในความเป็นจริงแล้วยังสามารถทำได้เกินกว่านั้น แสดงให้เห็นว่า ปัญหาศักยภาพการผลิตต่ำกว่าความเป็นจริง อันมาจากหลายสาเหตุ เช่น ช่างพิมพ์ไม่มีความรู้โดยตรงสายงานหรือขาดประสบการณ์ทางด้านเทคนิค เป็นต้น จึงเห็นว่า ควรจะพัฒนาเครื่องพิมพ์เปลี่ยนเป็นแบบอัตโนมัติมากขึ้น ให้ใช้งานง่ายมากขึ้น ก็จะสามารถเพิ่มค่า OEE ได้เช่นกัน ซึ่งเป็นที่มาของเครื่องพิมพ์ไฮเดลเบิร์กรุ่น Speedmaster 2020 

โดยเวอร์ชั่น Speedmaster 2020 จะถูกออกแบบโดยเน้นไปในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคนและกระบวนการทำงาน มีซอฟท์แวร์ที่จะเข้ามาช่วยการทำงานให้ง่ายและเป็นระบบอัตโนมัติมากขึ้น ตามคอนเซปต์ Push to Stop ซึ่งแต่เดิมซอฟท์แวร์นี้ได้เน้นไปทางโรงพิมพ์คอมเมอร์เชียล แต่ในปัจจุบันก็สามารถใช้สำหรับงานพิมพ์บรรจุภัณฑ์ได้

            เครื่องพิมพ์ที่ถูกพูดถึงในงาน Innovation Week 2020 หรือ เครื่องพิมพ์เวอร์ชั่น  Speedmaster 2020 นี้ มีฟังก์ชั่นใหม่เข้ามาเกี่ยวข้อง อาทิ เน้นเรื่องการลดการใช้ปุ่มน้อยลง ใช้ระบบอัตโนมัติมากขึ้น ใช้เวลาการเตรียมงานสั้น ลดของเสียต่างๆที่เกิดจากงานพิมพ์ เช่นกระดาษ  และรักษาคุณภาพให้สม่ำเสมอ เครื่องพิมพ์สามารถสื่อสารกับผู้ใช้งานได้ จากแนวทางของ Business Intelligence คือ การช่วยชี้นำขั้นตอนกระบวนการผลิตงานให้ผู้ใช้งานสามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้องตามขั้นตอน เป็นต้น 

ซอฟท์แวร์ลิขสิทธิ์ Intellistart 3 ที่ช่วยลดการเดินในการทำงานของผู้ปฏิบัติงานลง 70% รุ่นล่าสุด  ครอบคลุมระบบการทำงานทั้งหมดของเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่  ถูกติดตั้งอยู่ในเครื่องพิมพ์ไฮเดลเบิร์กทุกรุ่น เครื่องพิมพ์ Speedmaster 2020 นี้ได้ถูกกล่าวขานว่า เป็นเครื่องพิมพ์ที่อัจฉริยะที่สุด ฟังก์ชั่นที่น่าสนใจของเครื่องพิมพ์ฯนี้ เช่น ผู้ใช้งานสามารถเลือกฟังก์ชั่นการใช้งานว่าอยู่ในระดับใดได้ เป็นระดับปฏิบัติงานทั่วไป (Operator)หรือ ระดับผู้เชี่ยวชาญ(Expert) ด้วยคุณสมบัติซอฟท์แวร์ Intellistart 3 นี้ ช่างพิมพ์สามารถควบคุมการทำงานได้ที่โต๊ะควบคุมหลัก (Prinect Press Center) ได้เลย โดยการใช้งานร่วมกับกับระบบ Prinect ยิ่งจะทำให้การทำงานง่ายมาก อัตโนมัติและสมบูรณ์แบบ

ซอฟท์แวร์ Intellistart 3 มีฟังก์ชั่นใหม่ๆ ที่เป็นระบบช่วยเหลือ (Assistant) ให้ช่างพิมพ์ทำงานได้ง่ายอย่างต่อเนื่อง อาทิ

-  ช่วยแนะนำปริมาณการใช้แป้งที่เหมาะสม (New Powder Assistant)

- แบ่งระดับผู้ใช้งานให้อยู่ในการทำงานเหมาะสม (New Smart Setup)

-  สามารถใช้งานได้บนสมาร์ทโฟนได้ (New Press Center Mobile App.)

- มีระบบซ่อมบำรุงบนแอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟน (New Maintenance App.)

- ช่วยแนะนำโปรแกรมล้างอัตโนมัติ (New Wash Assistant)

- ระบบใส่เพลทอัตโนมัติ ลดการทำงานของคน (New Plate to Unit)

– สามารถพิมพ์ฟอยล์ได้อย่างประหยัดมากขึ้น (New FoilStar Cure) ปรับปรุงการยึดเกาะบนวัสดุพลาสติกและโฮโลแกรม (Cast & Cure)

 

โต๊ะควบคุมหลักที่มีการปรับเปลี่ยนใหม่รูปแบบที่ใช้งานง่าย สะดวก มีหน้าจอแบบสัมผัสรุ่นใหม่ 24 นิ้ว และหน้า Wallscreen เพื่อเพิ่มการทำงานที่เป็นอัตโนมัติด้วย Intellirun ส่วนของรูปลักษณ์ใหม่ของเครื่องพิมพ์มี Intelliline เพื่อบอกสถานการณ์ทำงานของเครื่อง ผนวกกับมีซอฟท์แวร์ของ Intellistart 3  ทำให้สามารถทำงานและชี้นำช่างพิมพ์ให้ทำงานในขั้นตอนต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง

ในส่วนของหลังพิมพ์ เครื่อง Polar DC 11 Plus เป็นเครื่อง Punching Diecut Label หรือเครื่องปั๊มฉลากด้วยแม่พิมพ์โลหะแบบอัตโนมัติ สามารถเพิ่มกำลังการผลิตให้หมาะสำหรับงาน Wet Glue Labels  เช่น ขวดเบียร์ เป็นต้น โดยมีหลักการทำงานคือ ป้อนแผ่นงานเข้าสู่เครื่องตัดฉลากอัตโนมัติ เครื่องจะทำการตัดชิ้นงานให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ก่อนจะส่งเข้าสู่กระบวนการปั๊มขึ้นรูปฉลาก ซึ่งฉลากอาจจะมีรูปทรงที่มีลักษณะโค้งเว้าขนาดเล็ก จึงทำให้การปั๊มขึ้นรูปด้วยแบบมีดตัดจะทำได้ค่อนข้างยาก แต่การใช้วิธีปั๊มแบบพิมพ์โลหะ (Punching dies) จะได้ขนาดและรูปร่างฉลากที่แม่นยำกว่า และรวดเร็ว ได้จำนวนมาก ส่วน In-mold Labels เหมาะสำหรับการพิมพ์ฉลากที่บางมากๆ  

ส่วนของเครื่องหลังพิมพ์สำหรับบรรจุภัณฑ์ บริษัท Master Work เปิดตัวเครื่องปั๊มไดคัท Master Matrix (Flatbed)  มาพร้อมกับนวัตกรรมการทำงานแบบอัตโนมัติมากขึ้น ความเร็วปั้มสูงสุด 9,000 sheet /ต่อชั่วโมง มีฟังก์ชั่นช่วยในการปรับเปลี่ยนแบบงานให้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งมีระบบ Optical  Register (Master Set) ซึ่งเป็นระบบปรับฉากงานด้วยกล้องตรวจจับ ซึ่งมีความแม่นยำและเที่ยงตรงสูง สามารถรองรับความเร็วสูงสุดในการปั๊มชิ้นงาน และมีฟังก์ชั่นปรับเปลี่ยนตั้งงานอัตโนมัติที่หน่วยป้อนกระดาษ เครื่องกระทุ้งปั๊มไดคัทนี้รองรับการทำงานร่วมกับ Prinect Workflow โดยสามารถทำรายงานการใช้งานของเครื่อง อาทิเช่น จำนวนแผ่นงานปั๊ม การจัดคิวการทำงาน ตั้งค่าความเร็ว และสามารถรับการตั้งค่าต่างๆล่วงหน้าจาก Prinect Workflow ได้ สามารถทราบข้อมูลได้ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการทำงานซึ่งเรียกว่า Push to Stop End to End” นั่นเอง 

 

ทั้งนี้นวัตกรรมที่ไฮเดลเบิร์กนำมาเสนอมานั้น เป็นการเพิ่มประสิทธิผลของเครื่องจักรอุปกรณ์โดยรวม (OEE) ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับ 3 สิ่ง  คือ หนึ่ง เวลา ที่ใช้ในการเตรียมงานน้อยลง สอง เรื่องความเร็ว ที่สามารถทำงานได้เร็วขึ้นต่อชั่วโมง สาม เรื่องลดของเสียให้ได้มากสุดจากกระบวนการผลิต ถือเป็นการบริหารการจัดการต้นทุนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด หลังจากนี้ทางไฮเดลเบิร์ก ประเทศไทย อาจจะมีการจัดงานสัมมนาออนไลน์อีกครั้งต่อไปในไม่ช้านี้  

ขอขอบคุณผู้ให้ข้อมูลจาก บริษัท ไฮเดลเบิร์ก กราฟิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด

คุณอิศรา สุยะเวช Product Manager-Sheetfed, คุณพงษ์อนันต์ ศรีมงคลถาวร Product Manager- Postpress และคุณวรรณนภา ธวัชกุลดิลก Digital Marketing

back