Mr.Arnon Goldman

ตำแหน่ง:General Manager, Asia Pacific
บริษัท: HP Inc.

The Magic of HP Indigo

 

        ปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่าดิจิตอลมีบทบาทต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเรามาก ทำให้ตลาดการพิมพ์ต้องปรับตัวเพื่อรองรับเปลี่ยนแปลงของโลกที่รวดเร็ว ไม่เพียงแต่เท่านั้น ยังเกิดวิกฤตการณ์การระบาดโควิด-19 ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นไปทั่วโลก ทำให้ประชากรทั่วโลกหันมาเพิ่งพาเทคโนโลยี เพื่อเป็นตัวกลางช่วยในการสื่อสารและเข้าถึง การทำกิจกรรมต่างๆ รวมไปถึงการนำมางานใช้งานด้านธุรกิจกันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มตลาดสินค้าออนไลน์ ไม่ว่าคนไหนก็สามารถเข้าถึงและซื้อสินค้าได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่คลิ๊ก ส่งผลให้การพิมพ์และบรรจุภัณฑ์มีอัตราเติบโตสูงขึ้น ซึ่งอาจจะสวนกระแสกับหลายธุรกิจที่มีการเติบโตลดลง คงเป็นเพราะการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์เป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่การซื้อขายออนไลน์ เพราะไม่ว่าร้านค้าไหนก็ต้องใช้กล่องกระดาษหรือถุงเพื่อบรรจุสินค้าและติดฉลากชื่อ ที่อยู่และเบอร์โทร เพื่อให้บริษัทขนส่งสินค้าทราบ และยังไม่รวมถึงงานพิมพ์ฉลากและบรรจุภัณฑ์อื่นๆ หากลองคิดดูคร่าวๆว่าจะมีมูลค่าการตลาดเท่าใดกันหนอ อีกทั้งด้วยคุณสมบัติของเครื่องพิมพ์ดิจิตอล คือ ความเร็วและคุณภาพ จึงทำให้ผู้ประกอบการพิมพ์หลายโรงพิมพ์เลือกใช้เครื่องพิมพ์ดิจิตอลมาช่วยในการขับเคลื่อนธุรกิจดำเนินได้ต่อเนื่อง อีกทั้งยังรองรับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการยามเร่งด่วนด้วย

        วารสาร “ข่าวสารในวงการพิมพ์” จึงขอนำเสนอบทความเกี่ยวกับเครื่องพิมพ์ดิจิตอลของ HP รุ่นต่างๆโดยเฉพาะรุ่นใหม่อย่างรุ่น Indigo มีส่วนช่วยให้การดำเนินธุรกิจโรงพิมพ์เติบโตได้ดีในยุคของความท้าทายนี้ ผ่านบทสัมภาษณ์ Mr. Arnon Goldman, General Manager, Asia Pacific เพื่อให้ผู้อ่านได้ทราบกันค่ะ

        คุณ Arnon กล่าวถึงภาพรวมของตลาดเอเชียแปซิกฟิกว่า “อัตราการเจริญเติบโตเศรษฐกิจมีการแปรผัน และถูกขับเคลื่อนด้วยความสามารถทางการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพของบางประเทศ ทำให้ตลาดเติบโตขึ้น ซึ่งในแต่ละประเทศมีรายละเอียดและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่แตกต่างกัน อย่างเทรนด์การตลาดของกลุ่มสินค้าออนไลน์ที่ถือว่ามีอิทธิพลมาก ผู้บริโภคยินดีที่จะจ่ายสินค้าเฉพาะส่วนบุคคล(Personalize) และมองหาสินค้าที่มีความยั่งยืน หรืออาจรวมไปถึงคุณสมบัติของการกันปลอมแปลงด้วย สำหรับเทรนด์การเปลี่ยนแปลงการพิมพ์ที่เร็ว จะเป็นตัวผลักดันให้การพิมพ์ในตลาดออนไลน์เชิงพาณิชย์(E-Commerce) และการสั่งพิมพ์บนเวบ(Web to Print) มีจำนวนสูงขึ้น เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ชอบพิมพ์แบบด่วน พิมพ์จำนวนน้อย และมักจะมองหาโรงพิมพ์ที่เชื่อถือได้ มีคุณภาพดี อีกทั้งยังชอบงานพิมพ์ที่โดดเด่นเป็นพิเศษ ช่วงโควิดนี้ ลูกค้าหลายท่านมีการปรับตัวและหาตัวช่วยในการใช้ชีวิตอยู่ที่บ้าน ทำงานที่บ้าน และมีการประยุกต์ของตกแต่งบ้านให้น่าอยู่มากขึ้น การออกแบบหน้ากากอนามัยให้น่าใช้งานในแต่ละครั้ง ผู้บริโภคเองก็มีความต้องการหลากหลายมากขึ้น คาดว่าในอนาคตจะเป็นโอกาสสำหรับโรงพิมพ์ที่ควรคว้าไว้ นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญด้านการเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทานในการพิมพ์ซึ่งเป็นหัวใจหลักของ HP Indigo ทำให้ลูกค้าและคู่ค้าของเราสามารถเข้าถึงการพิมพ์ได้ เรามีความยินดีมากที่จะเห็นการดำเนินธุรกิจที่มีความต่อเนื่องในยุควิกฤตอย่างนี้”

 

        เมื่อปี 2020 ทาง HP ได้ปล่อยเครื่องพิมพ์ระบบดิจิตอลกลุ่มฉลากและบรรจุภัณฑ์ออกสู่ตลาด ถือเป็นสิ่งท้าทายสำหรับตลาดการพิมพ์ทั่วไปอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มตลาด B2B นั้น ได้แก่ HP Indigo 100K , 12000 พร้อมกับ 15K value Pack และรุ่น 15K Digital Presses ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องการเปลี่ยนจากระบบเดิม(Analog) เปลี่ยนเป็นระบบดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบ มีอายุการใช้งานในระยะยาวด้วยเทคโนโลยีของ Indigo และการพิมพ์ที่มีคุณภาพสูง พิมพ์ได้สองหน้าในเวลาเดียวกัน หรือเครื่องพิมพ์สำหรับงานพิมพ์ฉลากและถุง (Sleeve) ด้วยงานฟิล์ม(Flexible) และงานพิมพ์กล่องกระดาษต่างๆ อีกทั้งยังให้ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืนที่หมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจ อย่างเรื่องคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในระบบการผลิตงาน เช่น มีการนำอุปกรณ์มาช่วยเปลี่ยนเป็นพลังงานในกระบวนการผลิตเครื่องพิมพ์ และลดการใช้พลังงานและอะไหล่ที่จำเป็นสำหรับการผลิตเป็นเครื่องพิมพ์ ยังรวมไปถึงวัสดุที่สามารถย่อยสลายได้ หรือ นำกลับไปใช้ได้ใหม่ เพื่อรองรับโอกาสของธุรกิจของลูกค้า เช่น เทคโนโลยี Spot master เทคโนโลยีจับคู่สีอัตโนมัติแบบใหม่ ช่วยลดเวลาและของเสีย ด้วยการคำนวณจำนวนหมึกที่ใช้งานได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งยังมีการขยายตลาดใหม่ไปยังกลุ่มการพิมพ์กันปลอมแปลง เช่น ลอตเตอรี่ การพิมพ์เชค การพิมพ์ภาษี แสตมป์ภาษีอากร ใบสูติบัตร เป็นต้น ซึ่งการพิมพ์กันปลอมแปลงแบบเดิมนั้นยังมีข้อจำกัดอยู่ อีกทั้งลูกค้ามักจะชอบมองหาการพิมพ์กันปลอมแบบใหม่ๆ ด้วยเทคโนโลยี LEP เป็นเทคโนโลยีกันปลอมและปลดล็อคที่ล้ำสมัย ไม่ว่าจะเป็นพิมพ์กันการปลอมแปลงแบบหลากหลายระดับชั้น การรันจำนวนตัวเลขแบบไม่ซ้ำกัน หรือ แบบเฉพาะเจาะจงของแต่ละชิ้นสินค้ากันการปลอมแปลง พร้อมกับการลงทะเบียนเต็มรูปแบบครบวงจร นอกจากนี้ HP ยังทำงานร่วมบริษัทชั้นนำในตลาดหลายเจ้า เช่น Jura, Agfa, Scantrust, Haiya และเจ้าอื่นๆด้วย 

        เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ทาง HP ได้ลงทุนอย่างมากด้านการพัฒนาและวิเคราะห์ส่วนของระบบ Remote monitoring เพื่อเป็นทางเลือกช่วยลูกค้าในการเตรียมพร้อมกรณีที่เกิดปัญหาทางเทคนิค การทำงานของ Remote monitoring และการบำรุงรักษาเครื่องพิมพ์ จะมีการแจ้งเตือนตามลำดับขั้นตอน พร้อมด้วยระบบ Predictive Press Care  เป็นระบบที่ช่วยจัดการปัญหาต่าง ๆ แบบเชิงรุกที่อาจจะเกิดขึ้นแล้วส่งผลกระทบต่อการผลิตได้ เพื่อให้ลูกค้าแน่ใจได้ว่าเครื่องพิมพ์สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ  และยังส่งเสริมด้านการสร้างมูลค่าเพิ่มของสิ่งพิมพ์ ระบบการจัดการสีแบบอัตโนมัติ และระบบการผลิตงานอย่างเป็นลำดับขั้นตอน (Workflow)

        ในปี 2016 HP ได้เปิดตัว Print OS ถือเป็นการปฏิวัติการพิมพ์ดิจิตอลเพียงวินาทีเดียว ในรูปแบบการจัดเก็บข้อมูลบนอากาศ(Cloud) ซึ่งได้กลายเป็นพื้นฐานที่ควรมีอยู่ในระบบการประหยัดพลังงาน เพื่อให้สามารถจัดการธุรกิจการพิมพ์ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการประเมินค่าของกำลังการผลิตด้วยระบบอัตโนมัติ การจัดการเรื่องสี ,VDP, จอมอนิเตอร์ ควบคุมการผลิต การปฏิบัติงานและการขอความช่วยเหลือ ซอฟท์แวร์ Print OS ได้นำคุณสมบัติแบบเฉพาะด้านการเพิ่มมูลค่าให้กับโรงพิมพ์

        ต่อมาในเดือนมีนาคม 2020 ได้เปิดตัวซอฟท์แวร์ PrintOSx เป็นระบบที่ให้การบริการที่ดีที่สุดของรูปแบบการผลิตงานซึ่งอยู่ในระบบ Print OS เลยทีเดียว เป็นระบบการป้องกันและคาดการณ์ด้านการบำรุงรักษาเครื่องพิมพ์ ก่อนที่จะเกิดปัญหาในรูปแบบต่างๆ ได้มีการใช้งานซอฟท์แวร์ PrintOS มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม Marketplace PrintOS ซึ่งเป็นกลุ่มการแบ่งปันความคิด คุณสมบัติของเครื่องพิมพ์ และความรู้ด้านธุรกิจของเจ้าของธุรกิจ และพนักงานขาย ทั้งการออกแบบงานพิมพ์ได้อย่างสร้างสรรค์ การได้วางแผนจะดูแลเรื่องขั้นตอนการทำงาน (Workflow) ที่ดีที่สุด ระบบหลังการพิมพ์ การพิมพ์กันปลอมแปลง การปรับเปลี่ยนวัสดุสื่อสิ่งพิมพ์ และอื่นๆ สิ่งเหล่านี้ได้ถูกนำมาเผยแพร่ไว้ที่ Marketplace ในทุกๆ สัปดาห์

        ในปี 2021 เป็นต้นไป จะมีการปล่อยเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่ๆ อย่างรุ่น Series 6 ภายใต้เทคโนโลยี LEPX HP Indigo รุ่น V12 digital press จะเป็นสินค้าตัวแรกของรุ่น Series 6 ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวเครื่องรุ่นดังกล่าวในปี 2022 เครื่องพิมพ์รุ่น V12 สามารถพิมพ์ได้ถึง 12 สี ด้วยความละเอียดสูง 1600 dpi ความเร็วการพิมพ์สูงสุด ประมาณ 60 เมตร ต่อนาที เป็นเครื่องพิมพ์ใช้เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด พร้อมพัฒนาให้มีการอัพเกรดตลอดเวลา สามารถพิมพ์งานฉลากได้ยาว พิมพ์ได้ต่อเนื่องและมีความสม่ำเสมอ สามารถพิมพ์วัสดุหนาได้ สามารถพิมพ์บนกระดาษ Heat Transfer และอื่นๆ เพื่อให้การลงทุนของลูกค้าเกิดความคุ้มค่า และยังเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้สนุกกับการใช้เครื่องพิมพ์ Indigo ด้วย 

        ก่อนจะจบบทสัมภาษณ์คุณ Arnon ได้ทิ้งท้ายว่า “หากจะไม่พูดก็คงจะไม่ได้ คือ งาน Dscoop ที่เป็นการรวมตัวของผู้ใช้งานที่ให้บริการด้านการพิมพ์และพันธมิตรของ HP Graphic Arts ในอุตสาหกรรมที่มีความพิเศษอย่างแท้จริงซึ่งถือได้ว่าเป็นกลุ่มที่มีพลังอย่างมากในวิกฤตที่เกิดขึ้นในขณะนี้ โดยลูกค้าของเราได้เรียนรู้และให้ความช่วยเหลือกันอย่างมากในยามที่เกิดความยากลำบาก คอมมูนิตี้แห่งนี้ถือเป็นส่วนผสมที่สร้างสรรค์ให้เกิดความมหัศจรรย์ของ Indigoได้อย่างแท้จริง”

 

back